เพื่อแผ่นดินเกิด

มังคุดสดจากสวนธรรมรักษาปันตวัน แห่งนี้ มี ๕ ระดับความสุก(สุข)

ตั้งแต่เริ่ม (๑) #แทงเข็ม คือออกอาการบอกว่าเริ่มสุกแล้ว กินได้ ไร้ยาง

ปอกยากนิดหนึ่ง เนื้อในจะขาวผ่อง รสชาติออกแซ่บ ๆ อาจกรอบนิด ๆ

พอสีเปลือกเรื่อแดงอย่าง (๒) #หม้อใหม่ ที่ชาวบ้านเผาหม้อดินปั้นแล้วออกแดง ๆ

เนื้อจะยังขาวผ่องแต่นิ่มลง และชุ่มหวานขึ้นมาแซม

ครั้น (๓) #แดงสวย สุกพอดี ๆ คือจังหวะสุดวิเศษ

กลมกล่อมครบรส ตามแต่จะประสงค์และปรารถนา

และนี้คือที่มาแห่งฉายาว่าคือ ราชินีแห่งมวลผลไม้ในพิภพ

จากนั้นจะ (๔) #แดงคล้ำ เนื้อขาวจะเริ่มหมองและฉ่ำลงจนชุ่มมาก

จน (๕) #ดำแล้ว และเนื้อฉ่ำชุ่มพร้อมสายสีหมองมากขึ้น

อย่างที่มักได้รับประทานกันเสมอ ๆ จากสวนโดยทั่ว ๆ ไป

สำหรับเม็ดมังคุด มีวิธีดูดแซะกินได้ ๓ วิธี

๑) #กัดแทะกินเม็ดไปด้วยเลย จะกรอบ ๆ กรุบ ๆ มันนิด ๆ ไม่มีรสใดอื่น

๒) #ใช้ลิ้นฟันเลาะเนื้ออยู่ในปาก จนเหลือเม็ดสะอาดอ้านออกมา

๓) #ดูดเนื้อกินแล้วคายเม็ดออกมายังมีเนื้อทิ้ง อย่างแสนเสียดาย

ที่สำคัญคือ #ทุกเม็ดสามารถเพาะงอกเป็นต้น ได้ง่ายมาก

แถม #ท้าให้ลองตัดแบ่งเม็ด_แล้วเพาะดู จะพบอีก #มหัศจรรย์แห่งมังคุด ครับ

อยากชวนลองใส่ทิชชู หรือกระถางพร้อมดินดู

แต่ไม่แนะนำให้ปลูกหวังกิน เพราะกว่าจะได้ดอกผลกินกันจริง ๆ ก็ ๑๐ กว่าปี

ซื้อกินสวนนี้ดีที่สุดแล้วครับ

เพราะมีคุณสมบัติวิเศษมากมายอย่างหาจากสวนไหน ๆ ไม่มีได้อีกแล้วครับ

ที่สำคัญกว่านั้น มังคุดสวนนี้ยังเติบโตออกดอกผลท่ามกลางมวลไม้แสนงาม

มีเรือนแม่เป็นประธานประมาณนี้ไงครับ

อ้อ อีกเคล็ดที่ต้องบอกกล่าวว่า บางกรณีที่ท่านปอกแล้วพบว่า

บางลูกมีเปลือกปริจนยางเหลืองไหลออกมาปนเนื้อผลที่ใสแทนขาว

ชาวเราเรียกว่า #เนื้อแก้ว กินได้ ไม่ใช่เสียนะครับ

แนะนำให้เลาะยางออก กินแต่เนื้อใสแก้วที่จะกรอบอร่อยอีกสุขวิเศษ

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นไม่มาก จากการมีฝนตกก่อนสุก

แล้วเขารับน้ำขึ้นไปส่งผลมากเกิน จนเซลเนื้อชุ่มปริเป็นแก้ว

พร้อมกับเซลเปลือกก็ปริแยกส่งยางมาเปื้อนเนื้อครับ ไม่ใช่เสีย อย่าทิ้งซะนะครับ

มีหลายท่านถามว่า ยังมีพอสั่งและส่งไหม ?

ประมาณกันว่าปีนี้น่าจะมีผลผลิตออกมาราว ๆ ๑ ตันกว่า

เมื่อวันแรกมีคนสั่งมาเกือบ ๑๐๐ โล เมื่อวานนี้อีกเกือบ ๑๐๐ ก็น่าพอมีครับ

ท่านที่สนใจประสงค์ลองกินมังคุดสวนนี้ให้มีความสุขกับการสุก ๕ ระดับ

แถมมีแก้ว และ เล่นกับเมล็ด ก็รีบสั่งนะครับ

พลาดปีนี้ รออีกปีเลยครับผม

๑๔ กค.๖๔ ๐๖๒๒ น.

บ้านบวรรัตน์ ท่าวัง เมืองนคร